Some detail of MEXT scholarship - The HersyP's Jouney

22.5.56

Some detail of MEXT scholarship

          สวัสดี 
วันนี้ไปมอบตัวที่โรงเรียนมา คือเรียนม.หกแล้วนะ แต่ก็ยังต้องไปมอบตัวอีก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ช่างมันเถอะ บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา อีกอย่างคือมันมอบตัวเสร็จแล้วด้วย ฮ่าๆ
            ก็นะ... วันนี้ว่างๆ ก่อนนอนเลยคิดว่าน่าจะลองมาอัพข้อมูลคร่าวๆ ของทุน MEXT อันนี้เฉพาะทุน Undergraduate นะ คือทุนของปริญญาตรี สำหรับเด็กที่เพิ่งจบม.หกหรือคาดว่าจะจบม.หกในปีที่รับทุนนั้นๆJ
            ขั้นแรกเลย ดูก่อนว่ามีสาขาที่เราสนใจจะขอทุนไหม

            สาขาก็มีตามนี้ เปิดดิกชันนารี่แปลเอา ฮ่าๆ เราเลือกแพทยศาสตร์อย่างเดียวเลย คือไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนอีก ถึงจะมีเภสัชกร ทัตแพทย์ แล้วก็สัตวแพทย์ก็เถอะ มีความรู้สึกว่าอยากเลือกแพทยศาสตร์อย่างเดียว ก็เลยเลือกอย่างเดียว ไม่รู้เขาจะให้ผ่านหรือเปล่า แต่ก็แล้วแต่โชคชะตาฟ้าลิขิตแหละนะ
            เวลาเลือกสาขาเนี่ย เขาจะให้เลือกได้สามสาขา แต่เวลาเลือกสาขาจะต้องไม่เลือกข้ามหมวด อย่างเช่นเลือก U1 หมวด Social A ก็ต้องเลือกอีกสองสาขาจากในหมวดนั้นเพราะมันใช้วิชาสอบไม่เหมือนกัน ยกเว้น Natural Science C ที่จะสามารถเลือกข้ามกันระหว่าง Natural Science B กับ C ได้ด้วย เพราะC มันมีสาขาให้เลือกแค่สองสาขาคือแพทย์กับทัตยแพทย์
            ทีนี้มาดูคุณสมบัติผู้สมัครคร่าวๆ ก่อน J
-          ต้องมีสัญชาติไทย
-          อายุ พูดง่ายๆ ก็คือต้อง 17 ให้ทันเดือนเมษาของปีที่รับสมัครทุน อย่างของปีนี้ทุนปี 2014 เขาให้โอกาสคนเกิดช่วงเดือนเมษา 1992 – เมษา 1997
-          ต้องจบการศึกษาภาคบังคับทั้ง 12 ปี (ก็คือจบม.หกแล้วนั่นเอง) หรืออาจจะได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่าการจบไฮสคูลของที่ญี่ปุ่นก็ได้ (ในกรณีที่ไม่ได้เรียนสายสามัญแล้วจบม.หกปกติอ่ะนะ) พูดง่ายๆ ก็คือจะสมัครได้ต้องจบม.หกก่อนหรือคาดหวังว่าจะจบม.หกภายในเดือนมีนาของปีที่ได้รับทุนนั้นๆ อย่างเราปีนี้เรียนม.หก ขอทุนของปี 2014 ก็คือเราต้องจบม.หกภายในมีนา 2014 ซึ่งก็สามารถสมัครขอทุนได้เลย
-          GPA ถ้าผ่านอย่างในอย่างหนึ่งในสามข้อนี้ก็ถือว่าสมัครได้
o   มีเกรดเฉลี่ยสะสม 3.80 ขึ้นไปในช่วงมัธยมปลาย (ของคนที่ยังไม่มีเกรดม.หกก็ยื่นเกรดม.สี่ม.ห้าไปก่อน)
o   มีเกรดเฉลี่ยสะสมมากกว่า 3.30 ในช่วงมัธยมปลาย และมีการสอบวัดผลวิชาภาษาญี่ปุ่นโดย Japan Educational Exchanges and Services and the Japan Foundation ในเลเวล 1/N1และ 2/N2
o   มีเกรดเฉลี่ยสะสมมากกว่า 3.350 ในช่วงมัธยมปลาย และมีการสอบวัดผลวิชาภาษาญี่ปุ่นโดย Japan Educational Exchanges and Services and the Japan Foundation ในเลเวล 3/N3และ N4
ก็ทำนองนี้แหละ ที่จริงมันก็มีรายละเอียดมากกว่านี้นิดหน่อยลองไปหาอ่านดูแต่โดยรวมก็แค่นี้แหละ อาจจะมีเพิ่มตรงพวกวิชาภาษาญี่ปุ่น คือเราไม่มีพื้นญี่ปุ่นเลยแต่เกรดเกิน 3.80 ก็สามารถสอบได้เหมือนกัน ในสาขาที่ไม่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นนะ อย่างเช่นพวกสายวิทย์อ่ะได้ แต่ถ้าสายศิลป์ที่จะเลือกพวกอักษรญี่ปุ่นอะไรแบบนี้ก็ต้องมีพื้นญี่ปุ่นอยู่แล้วเพราะมันต้องใช้สอบ
รายละเอียดทุนคร่าวๆ เท่าที่เราอ่านมานะ คือจะลองเล่าให้ฟังคร่าวๆ ตามที่เข้าใจ คือแบบว่าจะให้แปลแล้วพิมพ์ลงทุกตัวก็คงไม่ไหว โดยรวมก็คือเขาจะให้ทุนเราตลอดระยะเวลาที่เรียนที่นู่นรวมกับที่เรียนปรับพื้นฐานอีกหนึ่งปี เราแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเองเลยยกเว้นค่าเดินทางตอนไปกับกลับสนามบินเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเบี้ยเลี้ยงให้ด้วย ถามว่าเยอะไหมสำหรับเราเราว่าก็เยอะอยู่ แต่เท่าที่ไปถามคนอื่นๆ มาเขาบอกว่าไม่เยอะเท่าไหร่เพราะที่นู่นค่าครองชีพสูงมาก แต่ถ้าใช้ประหยัดๆ ก็น่าจะไหวอยู่ สำหรับเบี้ยเลี้ยงในแต่ละปีจะแตกต่างกันไปตามงบประมาณของรัฐบาลในปีนั้นๆ
เราว่าแบ่งเป็นข้อๆ ดีกว่า อ่านง่ายดี ฮ่าๆๆ
-          ทุนนี้เป็นทุนให้เปล่า คือส่งเราไปเรียนที่ญี่ปุ่นแล้วจบแล้วเราก็จะไปทำอะไรก็เรื่องของเราเลย แต่ในความคิดเราก็น่าจะตอบแทนประเทศชาติหน่อยอย่างเช่นไปทำงานให้รัฐบ้างอะไรบ้าง
-          คือพอสอบข้อเขียนเสร็จ เขาจะประกาศผลและเรียกสัมภาษณ์ แน่นอนว่าสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษนะ อาจจะเป็นภาษาญี่ปุ่นสำหรับคนที่พูดได้ ฮ่าๆ และสุดท้ายก็ประกาศผลสัมภาษณ์ คือเรื่องของเรื่องมันอยู่ตรงนี้ ถึงเราจะมีชื่ออยู่ในคนที่สัมภาษณ์ผ่านแล้วก็อย่าเพิ่งดีใจไป มันไม่ได้หมายความว่าเราได้ทุนนี้นะ ทางสาถานทูตเขาจะนัดเจอเราอีกรอบเพื่อที่จะเสนอชื่อเราให้ MEXT เขาไปคัดเลือกกับคนอีกทั่วทั้งโลก แน่นอนว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกเขาไปเพื่อเสนอชื่อ ไม่ว่าเราจะสมัครสาขาอะไรก็ตามเราต้องสอบภาษาญี่ปุ่นนะ อันนี้ก็เพื่อใช้เป็นข้อมูลว่าภาษาญี่ปุ่นเราอยู่ระดับไหน และเขาควรจะจัดการปรับพื้นฐานให้เรายังไงถ้าสมมติเราได้ทุน ก็ตามนี้แหละ สุดท้ายก็คือแข่งกับคนทั้งโลก J
-          สำหรับเรียนปรับพื้นฐานหนึ่งปีคือเรียนภาษาญี่ปุ่นและวิขาต่างๆ ที่ใช้ในมหาวิทยาลัย อันนี้สามารถยื่นเรื่องขอผ่านได้ ก็คือไม่เรียน แต่เขาก็ต้องพิจารณานะ คือเราต้องเทพจริงๆ เทพทั้งภาษาญี่ปุ่นเทพทั้งเนื้อหา เท่าที่อ่านมาเหมือนมันจะต้องยื่นแบบตรงหรืออะไรสักอย่างด้วย เราไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะเราคิดจะไปปรับพื้นฐานอยู่แล้ว
-          ที่เรียนมหาวิทยาลัย อันนี้สำคัญมาก ถึงเราจะได้ทุน MEXT แล้วแต่เรายังถือว่ายังไม่มีที่เรียนในมหาวิทยาลัยอยู่นะจ๊ะ เราต้องปรับพื้นฐานให้จบหนึ่งปีก่อนแล้วผู้ดูแลทุนเขาจะเลือกมหาวิทยาลัยให้เราสอบเข้า เขาจะดูคะแนนในการปรับพื้นฐานของเรา ดูว่าเราเหมาะกับมหาวิทยาลัยไหนมากที่สุด สำหรับเราเราคิดว่าไม่ต้องกังวลว่าจะไปสอบมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะว่าถ้าได้ทุนนี้แล้วให้มั่นใจได้เลยว่าคุณมีความสามารถ (แต่ก็ไม่ควรประมาทนะ) เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ J
ก็คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง นึกออกแค่นี้ ฮ่าๆๆๆๆ
เกือบลืมไป กำหนดการทุน สำหรับปีนี้เขาเปิดแจกเอกสารใบสมัครตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ให้ยื่นใบสมัครด้วยตัวเองที่สถานทูตภายในวันที่ 3-7 มิถุนายน สำหรับคนที่จะส่งทางไปรษณีย์ก็สามรถส่งไปได้แต่ต้องตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วน คือถ้าผิดเขาจะตัดเราทิ้งเลยนะ สำหรับที่อยู่ก็
            คือเวลาเราส่งไปรษณีย์เนี่ย จะส่งเมื่อไหร่ก็ได้ วันไหนก็ได้ แต่เอกสารต้องไปถึงเขาภายในวันสุดท้ายของการรับสมัคร อย่างปีนี้ก็ภายในวันที่ 7 มิถุนายน เราโทรไปถามสถานทูตมาแล้ว เขาบอกว่าถ้าพร้อมตั้งแต่วันที่หนึ่งพฤษภาก็คือสามารถส่งเอกสารมาได้เลย แต่ว่าเขาจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเอกสารแค่วันที่ 3-7 มิถุนาเท่านั้น (ก็คือจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจเอกสารแค่วันที่เขากำหนดเท่านั้น) ทีนี้เวลาเราส่งเอกสารทางไปรษณีย์เนี่ย เราควรส่งแบบที่มันติดตามได้นะ จะได้รู้ว่าถึงไหนแล้ว พอเราเช็คสถานะจดหมายเราว่าส่งถึงแล้วก็ให้โทรไปถามสถานทูตอีกทีว่าได้รับหรือยัง
            อืม... ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะมั้ง ข้อสอบที่ใช้สอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะจ๊ะ ปีนี้สอบวันที่ 23 มิถุนา คือเร็วมาก ฮ่าๆ แต่ก็ต้องเข้าใจนะเพราะเราต้องเดินทางไปเรียนนู่นช่วงเมษา พอเขาคัดเสร็จอะไรเสร็จกว่าจะรู้ผลจริงจังก็มกรานู่นแล้ว ;___;
            วิชาที่สอบก็ตามนี้เลย
            
ดูเอาว่าเราเลือกสาขาไหน อย่าเราเลือก U2 Natural science C ก็สอบภาษาอังกฤษ คณิต เคมี แล้วก็ชีวะ อะไรทำนองนี้ ตอนนี้ลุ้นมาก เปิดเทอมก็ยังไม่เปิด เอกสารยังเตรียมไม่ครบเพราะต้องรอเปิดเทอม กลัวไม่ทันมากๆ แต่มันก็ต้องทันแหละนะ J
            ตอนแรกเรากังวลมากเรื่องที่ต้องส่งไปรษณีย์เพราะไม่สามารถไปส่งเองที่สถานทูตได้เพราะกลัวเอกสารจะผิดพลาด แต่แม่เราบอกว่าบางครั้งก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตา ถ้าหากเราจะได้ไปอยู่ที่นู่น มันก็ต้องผ่านนั่นแหละ และที่สำคัญ เราควรจะลิขิตชีวิตตัวเองให้ได้มากที่สุดไม่ใช่เอะอะอะไรก็โทษโชคชะตาอย่างเดียว แม่บอกว่ามันก็แค่บางอย่างเท่านั้น
            บางอย่างที่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาจริงๆ
            เพราะที่เหลือ
            มันคือชีวิตของเรา
            ทางเดินของเรา
            เราเลือกเองได้
            สวัสดี <3

ปล. เดี๋ยวถ้าจัดการเรื่องใบสมัครเสร็จแล้วและผ่านแล้วจะกลับมาอธิบายใบสมัครให้เป็นส่วนๆ  J

ไม่มีความคิดเห็น: