Mext Scholarship : When I'm Registering and Examining. :) - The HersyP's Jouney

29.6.56

Mext Scholarship : When I'm Registering and Examining. :)


  สวัสดี 
            เมื่อวันที่ 23 ไปสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่นมา คือตอนแรกที่ทำข้อสอบเก่าคิดว่าทำชีวะไม่ได้วิชาเดียว เลยอ่านแต่ชีวะ ปรากฏว่าพอไปสอบจริงๆ ทำชีวะได้วิชาเดียวจ้า อยากร้องไห้มาก T___T โดยส่วนตัวคิดว่าคงไม่ติดหรอก แต่ก็จะอัพบล็อคนี้ไว้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่รุ่นน้องนะคะ
            ตอนที่เราไปสอบเนี่ย เจอแต่เด็กมหิดลกับเด็กเตรียมอุดมเต็มไปหมดเลยอ่ะ คือใจฝ่อมาก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเนอะ 5555
            ที่ไปสอบอ่า เราว่าข้อสอบเก่าช่วยได้เยอะนะ ช่วยได้เยอะมากด้วย ในปีนี้ (2013 ขอทุนของ2014) เนี่ย ข้อสอบจะเป็นแนวเดียวๆ กับพวกปี 2006-2009 ค่ะ ไม่ค่อยเหมือนปี 2010 เท่าไหร่เลย (อันนี้เราพลาดมากเพราะทำข้อสอบเก่าเสร็จแค่ของปี2010 แต่ยังโชคดีที่ได้เห็นข้อสอบเก่าของ2006-2009 แล้วได้ลองทำพวกชีวะกับอังกฤษมาบ้างส่วนคณิตกับเคมีไม่ได้ลองทำเลย เสียใจ ;___;) ก็คือถ้าใครสนใจทุนนี้จริงๆแนะนำให้ทำข้อสอบเก่าให้ครบทุกชุดเท่าที่เขามีให้โหลดค่ะ สำหรับเว็บโหลดข้อสอบเก่าก็นี่เลยค่ะ
http://www.studyjapan.go.jp/en/toj/toj0308e.html
            สำหรับข้อมูลทุนอะไรต่างๆ เราอัพไว้ให้แล้วนะ ลองหาอ่านดู 5555 ต่อๆ เรื่องแนวข้อสอบนะคะ สำหรับปีนี้โดยส่วนตัวคิดว่าอังกฤษค่อนข้างยาก คือเราทำไม่ทันด้วยแหละ passage ค่อนข้างยาวมากๆ ค่ะ
            คณิตศาสตร์ปีนี้มาเป็นกระดาษแผ่นเดียวเลยค่ะ ให้เติมคำตอบ มีเรื่องล็อค เรื่องดิพพวกหาจุดสูงสุด ต่ำสุด ไรงี้น่ะค่ะ ไม่ยากเท่าไหร่ แล้วก็จะมีข้อนึงเกี่ยวกับตรีโกณ ซึ่งเราโคตรง่อยเรื่องตรีโกณ แค่อ่านโจทย์เจอคอสกับไซน์กับแทนก็เลิกทำแล้วค่ะ 555 โดยส่วนตัวคิดว่าคณิตไม่ยากเท่าไหร่ค่ะ แต่เราไม่แม่นเราเลยทำไม่ได้ ฮ่าๆ เพราะเพื่อนเราที่ติดสอวน.เขาบอกทำได้ยกเว้นข้อวงกลมข้อเดียว ส่วนเราทำไม่ได้สามข้อ 5555
            เคมี ปีนี้มีข้อใหญ่ที่เกี่ยวกับเคมีอินทรีย์ข้อนึงเต็มๆ เลยค่ะ แบบให้สารตัวนึงมาแล้วให้ปฏิกิริยามาเพียบเลย ถามสารผลิตภัณฑ์ของปฏิกิริยาต่างๆ ค่ะ คือเคมีมันออกหลายเรื่องมากน่ะค่ะเลยจำไม่ได้ค่อยได้ มีคำนวณกรด-เบส หาความเข้มข้นของ H+ อะไรแบบนี้ แล้วก็มีถามเรื่องเซลล์อิเล็กโทรไลต์ด้วยค่ะ อันนี้เราจำไม่ได้ เสียดายมาก ฮือออ อ้อๆ ปีนี้มีสอบเรื่องเกี่ยวกับโปรตีนด้วยค่ะ ถามขนาด สมบัติ ไรงี้ ซึ่งเราจำไม่ได้หมดเลย 5555
            ชีวะ อันนี้บอกเลยว่าไม่ค่อยยากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าเราอ่านไปตรงพอดีด้วยมั้งคะ เขาจะให้มาเป็นเพจเสจยาวๆ เลย แล้วก็เว้นช่องไว้ให้เราเลือกเติมคำน่ะค่ะ ของปีนี้มีเรื่องเกี่ยวกับ DNA แล้วก็ความแตกต่างกันของเซลล์พืชเซลล์สัตว์ แล้วก็มีอีกเรื่องนึง เราบอกไม่ถูกว่าเรื่องอะไร แต่มันแบบให้การทดลองมาน่ะค่ะ แล้วก็ถาม คือถ้าเราอ่านภาษาอังกฤษออกแล้วก็วิเคราะห์เป็นก็ทำได้ค่ะ แล้วก็มีคำถามทั่วไปอีกนิดหน่อยค่ะ แล้วก็ฟิสิกส์ อันนี้เราไม่ได้สอบค่ะเพราะเลือกสาย Natural Science C ไปแต่เพื่อนเราสอบนะ คือเขาบอกว่าไม่ยากเท่าไหร่ แต่เพื่อนเราเด็กสอวน.นะคะ ยังไงก็อย่าเชื่อเขามาก 555 เห็นเขาบอกออกเทอร์โมเยอะค่ะ แต่ใช้หลักการแค่ไม่กี่หลักการค่ะ
            
อันนี้คือจำนวนคนที่ไปสอบปีนี้ค่ะ เยอะเนอะ กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเด็กเตรียมกับมหิดลค่ะ
            ทีนี้มาดูเรื่องการสมัครสอบบ้างดีกว่าค่ะ ตอนแรกเราบอกแล้วเนอะว่าถ้าสมมติใบสมัครผ่านจะมาเขียนให้เป็นแนวทางแก่รุ่นน้อง :) คือว่าเราส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ค่ะ คือมันสามารถไปยื่นเองก็ได้ ส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ค่ะ :) ที่อยู่เขาจะมีมาให้แนบท้ายใบไกด์ไลน์อยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าไม่มีจริงๆ ก็สามารถโทรไปถามหรือไม่ก็หาในเน็ตเอาได้ค่ะ (ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเราจะเคยลงให้แล้ว)
            สำหรับใครที่คิดจะส่งทางไปรษณีย์เหมือนเราเนี่ยจะต้องรอบคอบหน่อยนะคะ เพราะถ้ามันผิดคือเราจะถูกตัดสิทธิ์เลยค่ะ ยังไงก็ตรวจเช็คหน่อยนะคะ :) ถ้าส่งทางไปรษณีย์เนี่ย พร้อมเมื่อไหร่ก็ส่งไปได้ค่ะ สมมติเขาเปิดให้ส่ง 3-7 มิถุนายน เราไม่จำเป็นต้องส่งไปช่วงนั้นนะคะ ส่งก่อนก็ได้ค่ะ แต่เขาจะมีทีมมาตรวจสอบเอกสารช่วงนั้นค่ะ ซึ่งทางสถานทูตบอกว่าส่งมาเมื่อไหร่ก็ได้ขอแค่ห้ามเกินวันสุดท้ายก็พอค่ะ ตอนเราส่งปณ.ไปเนี่ยแนะนำให้ส่งแบบ EMS ติดตามได้นะคะ พอเช็คสถานะว่าเขาเตรียมจัดส่งแล้วก็รอสักครึ่งวันไม่ก็อีกวันนึงค่อยโทรไปถามค่ะว่าทางสถานทูตได้รับหรือยัง พอเขาได้รับแล้วอีกวันหนึ่งเราก็โทรไปถามว่าเอกสารเราผ่านไหมค่ะ เขาจะให้เลขประจำตัวสอบเรามาแค่นี้กเป็นอันเรียบร้อยค่ะ วันสอบจริงสำหรับในปีนี้เขาสอบที่จุฬา เราต้องไปเอาบัตรที่ห้องประชุมชั้นหนึ่งค่ะ แต่เราไม่ได้ไปเอาเพราะไม่รู้ กรรมการคุมสอบก็ใจดีมากบอกว่าให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนได้ ฮาาาา ถ้าเป็นคนที่ไปสมัครด้วยตนเองจะได้ใบเข้าห้องสอบมาเลยค่ะ :)
            หมายเหตุ : ต้องขอขอบคุณบล็อคของเจ้าจอมและของ eternize นะคะที่ทำให้เราส่งเอกสารได้ถูกต้องครบถ้วน :)
            มาดูกันก่อนดีกว่าว่าเราต้องใช้อะไรบ้าง เอากระดาษขึ้นมาจดและติ๊กถูกไว้ถ้าเราเตรียมเสร็จแล้วนะคะ
            1. Admission Form
            2.ใบสมัคร
            3.ใบประมวลผลระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Transcript) **ขอเป็นภาษาอังกฤษนะคะ
            4. หนังสือรับรองสถานภาพจากโรงเรียนซึ"งรับรองว่าจะจบการศึกษาในเดือนมีนาคมของปีถัดไป **ย้ำนะคะว่าต้องให้โรงเรียนลงให้ด้วยว่าคาดว่าจะจบการศึกษาภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไปค่ะเพราะไม่งั้นเขาจะไม่ให้ผ่าน*
            5.หนังสืออนุญาตจากผู้ปกครองพร้อมลายเซ็นรับรองว่าให้สมัครทุนและให้ไปเรียนทุนญี่ปุ่น
            6. ประกาศนียบัตรสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT (ถ้ามี) (ใช้สำหรับคนที่เกรดต่ำว่า 3.8 ค่ะ)
            เริ่มจาก Admission Form ก่อนนะคะ ง่ายที่สุด 5555 หยิบใบAdmission Form ขึ้นมาก่อนเลยค่ะแล้วมาดูกันตั้งแต่หัวกระดาษเลยนะ
            สำหรับการกรอกใบสมัครนะคะ ให้ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดค่ะ ส่วนจะเขียนหรือพิมพ์นั้นแล้วแต่สะดวกเลยค่ะ สาเหตุที่ในใบสมัครเขาเขียนว่าควรพิมพ์เพราะว่ามันจะได้ง่ายต่อการอ่านค่ะ อย่าลืมนะคะว่าถ้าผ่านรอบข้อเขียนไปใบสมัครจะไปอยู่ในมือคนสัมภาษณ์เราค่ะ มันจะเป็นความประทับใจแรกพบ ยังไงก็ต้องทำให้ดูดีที่สุดไว้ก่อนค่ะ
            สำหรับ Admission Form นะคะ จะเป็นใบเข้าห้องสอบค่ะ อันนี้จะไม่มีอะไรมาก พอกรอกเสร็จแล้วก็ตัดครึ่งเตรียมไว้ได้เลยค่ะ :)
อันนี้คือส่วนหัวสุดค่ะ ตรงที่เขียน Bangkok Chiang Mai เนี่ยให้เลือกวงตรงจังหวัดที่เราสะดวกจะไปสอบค่ะ
ส่วนตรง Registration No. ไม่ต้องไม่ยุ่งกับมันค่ะ เขาไว้เขียนเลขที่นั่งสอบค่ะ

ต่อมานะคะ ตรงที่เขาวงเล็บว่า Family Name ก็ให้ใส่นามสกุลภาษาอังกฤษลงไปค่ะ อย่าลืมนะคะว่าต้องใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ในการกรอกเท่านั้น แล้วก็ตรง Firstname ก็ให้เขียนชื่อจริงภาษาอังกฤษค่ะ ส่วนข้างล่างก็เขียนเป็นภาษาไทยค่ะ
สำหรับตรงนี้คือเขาถามว่าใครอยากสอบภาษาญี่ปุ่นไหมน่ะค่ะ ถ้าจะสอบก็ติ๊กตรง Yes ถ้าไม่ก็ติ๊กตรง No ค่ะ

            แค่นี้ก็เสร็จแล้วะนะคะสำหรับการกรอก Admission Form น่ะค่ะ มันจะมีส่วนของผู้สมัครกับส่วนของสถานทูต ให้กรอกเหมือนกันทั้งสองส่วนเลยนะคะ กรอกเสร็จตัดครึ่งค่ะ แล้วก็รวมไว้ในเอกสารการสมัครได้เลยไม่ต้องเก็บส่วนของเราไว้ที่ตัวเองนะเพราะมันต้องให้สถานทูตเขาเขียนเลขที่นั่งสอบให้ก่อน เอ่อ เกือบลืม มันจะมีที่ให้ติดรูป ก็ติดรูปลงไปด้วยนะคะ ด้านหลังรูปให้เขียนชื่อ นามสกุล แล้วก็สัญชาติตัวพิมพ์ใหญ่ไว้ด้วยนะคะ ถ้าเผื่อว่ารูปเราหลุดเนี่ยพี่ๆ ที่สถานทูตเขาจะได้ติดคืนให้ถูกคนค่ะ

            มาดูส่วนของ Application Form กันบ้าง ตรงนี้แหละที่เยอะ ฮาาาาาาา

            กติกาเหมือนเดิมนะคะ ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ในการกรอกเอกสารค่ะ

ตรงมุมบนขวาก็เหมือนกับ Admission Form เลยค่ะ ให้วงตรงจังหวัดที่เราจะไปสอบ ที่เหลือไม่ต้องทำอะไรค่ะ (วงให้เป็นจังหวัดเดียวกับ Admission Form นะคะ)

           อย่าลืมคลิ๊กขยายภาพก่อนดูคำอธิบายนะคะ เพราะว่าอันนี้ค่อนข้างเยอะค่ะ  555 มาเริ่มจากข้อหนึ่งกันก่อนะคะ
           (1.) ให้เขียนชื่อเต็มลงไปค่ะ สำหรับบรรทัดแรกนะคะ Native Language ก็คือภาษาประเทศเราน่ะค่ะ ในที่นี้ก็ภาษาไทย ช่องแรกก็เขียนนามสกุลจริง ช่องกลางเขียนชื่อจริง ส่วนช่องริมสุดเขียนชื่อกลางค่ะ (คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีชื่อกลางค่ะ ถ้าไม่มีก็ให้เว้นว่างๆไว้ค่ะ)
           ส่วนบรรทัดต่อไปให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ค่ะเหมือนภาษาไทยเลย ช่องแรกนามสกุล ช่องสองชื่อจริง ช่องสามชื่อกลางค่ะ (เขาบอกให้เขียนชื่อแบบเดียวกับที่เขียนในพาสปอร์ตนะคะ)
           ทีนี้มาดูตรงขวามือก่อนค่ะ ตรงช่อง Sex ให้ติ๊กว่าเป็นหญิงหรือชายโดยใช้เครื่องหมาย X ค่ะ ส่วน Marital Status ก็ให้ติ๊กว่าแต่งงานแล้วหรือยังโสดอยู่ค่ะ แล้วตรงข้างล่างที่เป็นกรอบสี่เหลียมก็ติดรูปลงไปค่ะ เหมือนเดิมนะคะอย่าลืมเขียนชื่อตัวพิมพ์ใหญ่กับสัญชาติลงไปด้วยค่ะ
           (2.) สำหรับข้อสองนะคะ ตรงช่องข้างหลัง Nationaliry ให้เราเขียนสัญชาติเราลงไปค่ะ ในทีนี้คือ THAI ค่ะ แล้วก็ที่เขีนยว่า 2-2 Japanese Nationality ตรงนี้เราติ๊ก No ไปค่ะ (ใช้เครื่องหมาย X ค่ะ) แต่ถ้าใครมีก็ให้ติ๊ก Yes ไปค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีเนอะ ฮาาาา
           (3.) Date Of Birth ให้ใส่ปีเกิด เดือนเกิด แล้วก็วันเกิดลงไปค่ะ สำหรับปีเกิดเขาให้เลขสองตัวแรกมาแล้ว เราก็เขียนต่อไปอีกสองตัวค่ะ แล้วต่อมาเขาเขียนว่า Month ให้ใส่เดือนเกิดค่ะ เช่นเราเกิดมกราคมก็ใส่ JANUARY ลงไปค่ะ (อย่าลืมนะคะว่าใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ในการกรอกเอกสารนี้ทั้งหมด) แล้ววันเกิดก็เขียนเลขวันเกิดลงไปเลยค่ะ ต่อมาเขามีเขีนยว่า Age ก็ให้ใส่อายุของวันที่ 1 เดือนเมษายนของปีที่รับทุนลงไปค่ะ สำหรับเราก็ 18 น่ะค่ะ 
           (4.) ให้ใส่ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมลล์ที่ติดต่อได้จริงลงไปค่ะ ไม่จำเป็นต้องตามทะเบียนบ้านค่ะ แต่ถ้าตามได้ก็ดี ฮาาา ในกรณีเราเราใส่ตามทะเบียนบ้านค่ะเพราะกลัวมันไม่ตรงกับบัตรประชาชน แต่ปรากฏว่าเขาเอาแค่ให้ส่งจดหมายมาหาเราถึงก็พอค่ะ 5555 ที่สำคัญสำหรับข้อนี้นะคะ ตรงช่อง Present Address ที่ให้ใส่ที่อยู่นะคะ อย่าลืมใส่รหัสไปรษณีย์นะคะ :)


           (5.) ให้เขียน X หน้าช่องของสาขาวิชาที่เราเลือกสมัครค่ะ สำหรับรายละเอียดดูได้ในไกด์ไลน์ค่ะ อย่างเราเลือกสอบ Medicine อยู่ในสาย Natural Science C ก็ติ๊ก X ตรงข่องสี่เหลียมเล็กๆ หน้า Natural Science C ค่ะ

แบบนี้ๆ

           (6.) ให้เขียนสาขาวิชาที่เราอยากเรียนลงไปค่ะ เช่น MEDICINE PHYSICS PHARMACY อะไรแบบนี้น่ะค่ะ สามารถเลือกดูได้จากในไกด์ไลน์ค่ะ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกรอกทั้งสามตัวเลือกนะคะ แล้วแต่เราเลยค่ะว่าจะเลือกกี่อัน อย่างของเราเงี้ยเราเลือก Medicine อย่างเดียวเลยค่ะ ฮ่าๆๆ เอ่อ แล้วก๊อีกอย่างหนึ่งนะคะ เขาเขียนไว้ในไกด์ไลน์แล้วล่ะว่าห้ามเลือกสาขาวิชาข้ามสาย เช่น Natural Science B จะเลือกของ A ไม่ได้ อะไรแบบนี้น่ะค่ะ ยกเว้น B กับ C นะคะ มันเลือกด้วยกันได้เพราะสอบวิชาเดียวกันค่ะ
           (7.) เขาให้เลือกค่ะว่าจะสอบภาษาญี่ปุ่นมั้ย ถ้าสอบก็ติ๊ก Yes ถ้าไม่ก็ติ๊ก No ค่ะ ด้วยเครื่องหมาย X นะคะ

           (8.) พูดง่ายๆ คือเขาถามว่าเราเรียนสายอะไรค่ะ อย่าตอบแบบ SCIENCE AND MATH หรืออะไรแค่นี้นะคะ เขียนบอกเขาไปหน่อยว่าเราเรียนยังไง เน้นแบบไหน อย่างของเราเราเขีนยว่า I STUDY IN SCIENCE AND MATH INTENSIVE PROGRAM WICH FOCUS ON MATHEMATICS, PHYSICS, CHEMISTRY, BIOLOGY AND ENGLISH.ทำนองนี้จ้ะ
           (9.) ให้เราบอกสถานะในตอนนี้และชื่อของบริษัทหรือโรงเรียนทีเราอยู่ค่ะ สำหรับเด็กม.หกอย่างเราก็ให้เขียนตรงช่องที่เว้นว่างๆ ไว้ด้านล่างคำถามข้อเก้าว่า STUDENT ค่ะ แล้วค่อยไปเขีนยชื่อโรงเรียนตรงที่เขามีขีดๆ ให้น่ะค่ะ ตรง Name Of School ก็เขียนชื่อรร. in___ grade ก็ให้ใส่ว่าเกรด 12 (สำหรับเด็กม.หกค่ะ) will graduate in ตรงที่เขีนย year ให้เขียนปีถัดไปลงไปค่ะ อย่างเราปีนี้ปี 2013 เราสมัครทุนของ 2014 ก็เขียนตรงช่อง year ว่า 2014 ค่ะ ส่วน month ก็เขีนยว่า MARCH ค่ะ ส่วนข้างล่างจะเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างค่ะ ถ้ายังเป็นนักเรียนอยู่ก็เว้นว่างไว้ค่ะ

          (10.) สำหรับตรงนี้คือมันเยอะมาก เราเลยจะเอาของเราให้ดูเลย ขออนุญาติเซนเซอร์ชื่อโรเงรียนกับเกรดเฉลี่ยนะคะ คืออายเกรดเฉลี่ยมาก ฮาาาาาา ถ้าสงสัยยังไงตรงไหนก็คอมเม้นถามแล้วกันน้า เอ่อแล้วก็ตรงช่อง Location น่ะค่ะ ให้เขียนแค่จังหวัดพอนะคะ อย่างเราเรียนอยู่ในชลบุรีก็เขียนว่า CHONBURI ค่ะ
ตรงสีดำๆ คือเราเซนเซอร์ไว้ค่ะ คือขี้เกียจไปตัดออกในโฟโต้ช็อบเลยใช้ออฟชั่นปากกาของโปรแกรมแค็บหน้าจอเลยค่ะ แหะๆ

          (11.) สำหรับอันนี้จะเป็นเกี่ยวกับภาษาค่ะ มาดูในตารางน้า ช่องแรกคือภาษาญี่ปุ่นค่ะ เราจะเลือกใส่ EXCELLENT GOOD หรือ POOR ก็ได้ค่ะตามแต่ความสามารถเราเลย อย่างเราไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนก็เลยใส่ตรงช่อง Japanese ว่า POOR หมดเลยค่ะ ฮ่าๆ แล้วก็ English เราใส่ Good ส่วนช่องสุดท้าย ที่เขียนว่า Others แล้วมีวงเล็บให้ใส่ THAI ไว้ในวงเล็บค่ะ แล้วเขียน EXCELLENT ให้หมดทุกช่องเลย 5555 ทั้งไรท์ติ้ง รีดดิ้ง และสปีคกิ้งค่ะ นี่คือข้อดีของการมีภาษาเป็นของตัวเอง ฮ่าๆๆ
          มาดูข้างล่างตรงกรอบสี่เหลี่ยมที่มีสองช่องกันบ้างค่ะ สำหรับข้อนี้เขาถามว่าเคยสอบภาษาญี่ปุ่นไหม ให้วงกลมเลข 1 ถ้าเคยสอบแล้วและให้เขียนเลเวลด้วยค่ะ  ถ้าไม่เคยเรียนก็วงกลบรอบเลข 2 เลยค่ะ (แน่นอนว่าเราวงอันที่สองเพราะพูดญี่ปุ่นได้แค่สองสามประโยคเองค่ะ)
          (12.) อันนี้สำหรับคนที่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นค่ะ ก็กรอกไปตามนั้นเลย ส่วนเราไม่มีก็ข้ามไปค่ะ


          (13.) สำหรับอันนี้เขาจะให้เขียนค่ะว่าทำไมเราถึงได้เลือกเรียนสาขานี้ค่ะ ดูให้ดีๆ นะคะ เขียนสาขาให้ตรงกับที่กรอกไว้ตรงข้อหกค่ะ อย่างเช่นตรงข้อหกกรอก First Choice ไว้ว่า MEDICINE อันนี้ก็ให้เขียน MEDICINE ตรงที่เขาขีดเส้นเอาไว้ให้น่ะค่ะ ส่วนตรงพื้นที่ว่างๆ สีขาวๆ ภายในวงเล็บก็ให้เขียนเหตุผลว่าทำไมเราถึงเรียน บลาๆๆๆ ปล. อย่าลืมว่าให้ใช้พิมพ์ใหญ่ทั้งหมดนะคะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเขาจะห้ามใช้ตัวย่อด้วยค่ะ ถ้าจะเขียน I'M ก็เขียน I AM แทนนะคะ (อันนี้เราไม่ค่อยแน่ใจนะ จำไม่ได้เล้ว แต่เราเขียนแบบเต็มไปหมดเลยค่ะ เขียนสักย่อหน้าสองย่อหน้าก็พอแล้วค่ะ อย่าเขียนสั้นเกินนะคะ เพราะว่าอย่าลืมว่าถ้าเราผ่านข้อเขียนแล้วคนสัมภาษณ์เขาจะรู้จักเราก็จากตรงนี้แหละค่ะ

          (14.) อันนี้ก็ตอบคำถามไปค่ะว่าแบบจะไปเรียแบบไหนที่ญี่ปุ่นหรอ อย่างเราก็บอกว่าเราจะเรียนเกี่ยวกับสุขภาพนะ แบบว่าเรียนว่ารักษายังไง ถ้าจะได้ดีอยากให้ประยุกต์กับพวกเพียวไซน์ด้วย จะได้ทำงานวิจัยเป็น อะไรแบบนี้น่ะค่ะ แต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดนะคะ(เราแลย้ำกับตัวพิมพ์ใหญ่เนอะ 555 ก็นะ เผื่อพลาดไง)
          (15.) อันนี้ก็เขียนไปว่าประทับใจอะไรในญี่ปุ่นค่ะ
          (16.) อันนี้ให้เขียนว่าพอจบมาแล้ว กลับมาประเทศแล้วจะทำงานแบบไหนค่ะ อย่างเราก็เขียนว่าจะกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลรัฐบาลสักสองสามปีแล้วก็จะไปเรียนต่ออะไรทำนองนี้ะน่ะค่ะ

          (17.) อันนี้ให้เขีนยว่าเคยไปญี่ปุ่นมาไหมน่ะค่ะ อย่างเราเคยไปเราก็เขียนไปว่าไปวันไหน กลับวันไหนค่ะ เราใช้วันที่ประทับตราเข้าประเทศเป็นวันไปและวันที่ประทับตราออกประเทศเป็นวันกลับค่ะ เวลาเขียนวันที่ก็เขียนเป็นวันเดือนปีปกติเลยค่ะ เช่น 13 MARCH 2013 อะไรแบบนี้น่ะค่ะ แต่ถ้ากลัวไม่พอจะเขียนย่อก็ได้ค่ะ ส่วนช่องหลังเขาให้เขียนเหตุผลที่ไปค่ะ เราไปเที่ยวก็เขียนว่า FOR TOURING JAPAN ค่ะ (ให้เขียนเริ่มจากครั้งล่าสุดที่ไปมานะคะ เราไปมาแค่ครั้งเดียวเลยเขียนแค่ครั้งเดียวค่ะ ถ้าใครไปสามครั้งให้เขียนสองครั้งล่าสุดค่ะ)
          (18.) อันนี้คือให้ใส่ชื่อผู้ปกครองหรือใครก็ได้ที่จะให้เขาติดต่อในกรณีฉุกเฉินค่ะ สำหรับข้อ i)ให้เขีนยชื่อนามสกุลเต็มของคนคนนั้นลงไปค่ะ ให้เขียนนามสกุลก่อนชื่อนะคะ ต่อมาข้อ ii) ก็เหมือนเดิมค่ะ เขียนที่อยู่ บลาๆ ตรงที่อยู่อย่าลืมใส่รหัสไปรษณีย์นะคะ iii) ใส่อาชีพลงไปค่ะ iv)ใส่ว่าเขาเป็นอะไรกับเราค่ะ อย่างเราใส่ชื่อพ่อลงไปตรงนี้ก็ต้องใส่ว่า FATHER ค่ะ


          เย้ หมดแล้วว!! อันนี้ส่วนสุดท้ายแล้วค่ะ บรรทัดแรกให้เขียนว่าเรากรอกใบสมัครเสร็จพร้อมยื่นเมื่อไหร่ ไม่ต้องกังวลกับมันมากค่ะ ใส่วันที่เราเซ็นต์ชื่อก็พอแล้ว ไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่ตรงกับวันที่เราไปขอเอกสารอื่นหรือว่ามันจะไม่ตรงกับวันที่เขาเช็คใบสมัคร คือมันไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นค่ะ :) บรรทัดที่สองคือลายเซ็นค่ะ เขียนให้เหมือนในพาสปอร์ตนะคะ และอันสุดท้ายคือชื่อที่เขียนตัวบรรจงค่ะ ตัวภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่เหมือนเดิม เอานามสกุลขึ้นก่อนชื่อนะคะ

          สำหรับย่อหน้าสุดท้ายตรง Note คือเขาถามประมาณว่าถ้าไม่ได้ทุนนี้แล้วถ้ามีทุนอื่นจะเอาไหม คือเหมือนกับว่าถ้าเราตกลงพวกคะแนนสอบอะไรพวกนี้ของเราก็จะถูกส่งให้โครงการอื่นๆ ด้วยน่ะค่ะ เราว่าติ๊ก YES ไปก็ไม่เสียหายนะคะ (ติ๊กด้วยเครื่องหมาย X ค่ะ)

          ข้างล่างต่อจากนี้ไปคือฟอร์มของ The Letter Of Agreement ค่ะ หรือที่ในใบสมัครเขียนว่าใบขออนุญาตผู้ปกครองน่ะค่ะ

LETTER OF AGREEMENT

To whom it may concern,
As the parents of ชื่อผู้สมัคร, we ชื่อผู้สมัคร to apply for the Japanese Government Scholarship for ปีที่ได้รับทุน (Thailand). If she/he was selected as the grantee, we sincerely permit her/him to study in Japan.


______________________________                               _____________________________
            Signature of Father                                                          Printed Father Name

______________________________                               _____________________________
          Signature of Mother                                                          Printed Mother Name

เขียนวันที่ตรงนี้
Date

          เห้อ เสร็จแล้ว ในที่สุด ได้เวลานอนสักที :) อิอิ เราหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่ผ่านไปผ่านมาในนี้น้า :) มีอะไรสงสัยก็ถามได้นะ

สวัสดี :)


5 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากค่ะ > <

    ตอบลบ
  2. เป็นประโยชน์มากๆ กำลังหาอยู่เลย

    ถามหน่อยค่ะ พวกข้อให้เหตุผลเนี่ยเราควรเขียนยาวๆ แบบต่อกระดาษออกไปไหมคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แล้วแต่เราเลยค่ะ :) สำหรับเราเราคิดว่าใบสมัครนี้เป็น first impression ของกรรมการในกรณีที่เขาเรียกเราสัมภาษณ์ค่ะ ไม่มีผลต่อการคัดเลือกผู้สมัครว่าสามารถเข้าสอบได้หรือเปล่า :) ดังนั้นโดยส่วนตัวคิดว่าเขียนสั้นๆ คร่าวๆ กระชับ ตรงประเด็นที่เราต้องการจะสื่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวรายละเอียดปลีกย่อยค่อยไปจัดเต็มวันเรียกสัมภาษณ์เลย ขอให้โชคดีนะคะ :)

      ลบ
  3. รบกวนถามเจ้าของกระทู้หน่อยครับ .พอจะมีแหล่งข้อสอบทุน ป.ตรี สายวิทย์ ของทุน mext ที่ผ่านมาไหมครับเพาะผมเตรียมตัวสอบปีหน้าอ่ะครับ. ขอบคุณมากๆนะครับ

    ตอบลบ